กองทัพเรือแฉ! หลักฐานมัดกัมพูชาละเมิด "อนุสัญญาออตตาวา" พบคลังระเบิดดัดแปลงและหลักสูตรฝึกสอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
18.ธ.ค. - พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่บริเวณบ้านหนองรี ซึ่งเดิมเป็นฐานที่มั่นทางทหารของฝ่ายกัมพูชา โดยจากการเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ตรวจพบคลังเก็บทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถูกดัดแปลงจากทุ่นระเบิดดักรถถังจำนวน 16 ลูกในสภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีลักษณะจงใจสร้างอันตรายโดยไม่เลือกเป้าหมาย และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งกำลังพลและพลเรือน
.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ฐานพลุ๊กดรัมเรย (บ้านสามหลัง) และตรวจยึดเอกสารทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นบันทึกรายละเอียดของผู้เข้ารับการฝึกใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 โดยเนื้อหาครอบคลุมทั้งลักษณะทั่วไป การวาง และการเก็บกู้ ระบุวันที่จัดการเรียนการสอนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เอกสารฉบับนี้ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายกัมพูชามีการฝึกอบรมให้กำลังพลใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มิใช่การกระทำโดยบังเอิญ แต่เป็นการแสดงเจตนาในการใช้ “สงครามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ต่อฝ่ายไทยอย่างชัดเจน
.
กองทัพเรือขอเน้นย้ำว่า การกระทำดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายประการ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ค.ศ. 1997 ที่สั่งห้ามการใช้ ผลิต หรือครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงพิธีสารเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 แห่งอนุสัญญาเจนีวา ที่บัญญัติหลักการแยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารและพลเรือน
.
ทั้งนี้ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ ครอบครอง รวมถึงดัดแปลงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดังกล่าว และเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีตามกฎหมายสากลเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนถึงการไม่เคารพหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน และกองทัพเรือขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยทันที พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าจะดำเนินการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด






0 ความคิดเห็น