วิจารณ์สนั่น! โรงเรียนดังแพร่ยึดเสื้อกันหนาวนักเรียนกลางอากาศ 10 องศา เด็กต้องทนเรียนทั้งวันในเสื้อบาง ผอ.ออกมาขอโทษ

วิจารณ์สนั่น! โรงเรียนดังแพร่ยึดเสื้อกันหนาวนักเรียนกลางอากาศ 10 องศา เด็กต้องทนเรียนทั้งวันในเสื้อบาง ผอ.ออกมาขอโทษ – ชี้เป็นความเข้าใจผิดในกฎระเบียบ

กลายเป็นกระแสที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ปกครองและชาวเน็ตจำนวนมากแชร์ภาพและโพสต์เหตุการณ์จากโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดแพร่ หลังมีนักเรียนหลายคนถูก “ยึดเสื้อกันหนาว” โดยอ้างว่าเป็นการแต่งกายที่ ผิดระเบียบโรงเรียน ทั้งที่ในวันดังกล่าวอากาศหนาวจัดเพียง 10 องศาเซลเซียส ทำให้นักเรียนต้องทนเรียนทั้งวันด้วยเสื้อบางเพียงตัวเดียว สร้างความสงสารและความไม่พอใจในวงกว้าง


เด็กหนาวสั่นในห้องเรียน – ผู้ปกครองสุดห่วง



เหตุการณ์ถูกเผยแพร่ผ่านโพสต์บนโซเชียล ซึ่งระบุว่านักเรียนบางรายหนาวจนตัวสั่น แต่ไม่กล้าใส่เสื้อกันหนาวเพราะกลัวถูกครูยึด ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความเห็นว่า กฎระเบียบไม่ควรถูกบังคับใช้แบบขาดความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสุขภาพของเด็ก


หลายความเห็นระบุว่า การยึดเสื้อกันหนาวในวันที่อุณหภูมิลดต่ำระดับนี้ อาจส่งผลให้เด็กเป็นหวัด ปอดบวม หรือเสี่ยงเจ็บป่วยได้ พร้อมเรียกร้องให้โรงเรียนทบทวนกฎแต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ


ผอ.โรงเรียนออกมาขอโทษ – แจงเป็นความเข้าใจผิดและจะปรับปรุงทันที


ภายหลังเหตุการณ์กลายเป็นกระแสกว้างขวาง ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ออกมาแถลงขอโทษต่อผู้ปกครองและสาธารณชน พร้อมชี้แจงว่า การยึดเสื้อกันหนาวบางส่วนเกิดจาก ความเข้าใจผิดของครูเวรประจำวัน ที่ตีความกฎระเบียบเรื่องการแต่งกายอย่างเคร่งครัดเกินไป


ผอ.ระบุเพิ่มเติมว่า โรงเรียนไม่ได้มีนโยบายห้ามเด็กสวมเสื้อกันหนาวในช่วงฤดูหนาว เพียงแต่ขอกำชับให้เป็นเสื้อที่สุภาพและเหมาะสม พร้อมประกาศทบทวนกฎระเบียบร่วมกับครูทุกคนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ


ชาวเน็ตเสียงแตก – แนะเมตตาธรรมสำคัญกว่า “กฎ”


กระแสออนไลน์ยังคงถกเถียงอย่างคึกคัก บางส่วนชี้ว่ากฎคือกฎและควรให้เด็กเคารพ แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าโรงเรียนควรให้ความสำคัญกับ ความเป็นมนุษย์และสวัสดิภาพเด็ก เป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง


คอมเมนต์หนึ่งระบุว่า


> “กฎถูกสร้างเพื่อความเป็นระเบียบ แต่ก็ต้องมีหัวใจด้วย เด็กหนาวขนาดนี้จะไม่ให้ใส่เสื้อกันหนาวได้ยังไง”


อีกหลายความเห็นเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าไปตรวจสอบเพื่อกำหนดแนวทางให้โรงเรียนทั่วประเทศใช้กฎอย่างเหมาะสม ไม่ให้เกิดกรณีคล้ายกันอีก


เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าในหลายครั้ง การบังคับใช้กฎแบบไม่ยืดหยุ่นอาจนำไปสู่ผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวพันกับความปลอดภัยของเด็กนักเรียน แม้ผอ.จะออกมาขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุง แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้สถานศึกษาใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบและมีความเมตตาเป็นหลัก


สถานการณ์นี้อาจเป็นบทเรียนสำคัญให้ทุกโรงเรียนทบทวนการใช้กฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและคำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้เรียนเป็นอันดับหนึ่งเสมอ.

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น