บันทึกเหตุการณ์พิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา📊 สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ

 บันทึกเหตุการณ์พิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 12 สิงหาคม 2568



ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้:


🔺 สถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 09.10 นาฬิกา กำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกองร้อยทหารพรานที่ 2610 ได้จัดกำลังพลลาดตระเวนเส้นทางบริเวณจุบตะโมก พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยของพื้นที่และป้องกันมิให้เกิดการรุกล้ำอธิปไตย ระหว่างปฎิบัติภารกิจสิบเอก ธีรพล เพียขันที เหยียบทุ่นระเบิดคาดว่าเป็นชนิด PMN 2 ในเขตแดนไทย ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด และได้นำส่งโรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว


🔺พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน มอบแก่กำลังพลที่บาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ณ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ สร้างความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้


🔺 โฆษกกองทัพบกชี้แจงใน (12 ส.ค.68 ) ได้กล่าวถึงเหตุการณ์วางทุ่นระเบิดในวันนี้ เป็นหลักฐานชัดว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและกฎหมายมนุษยธรรม โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา จากการลอบวางทุ่นระเบิดสังหารในเขตแดนไทย เจตนาทำร้ายกำลังพลไทยโดยตรง ลักษณะเดียวกันเคยเกิดซ้ำหลายครั้ง สะท้อนพฤติกรรมคุกคามต่อเนื่องและไม่ยอมรับข้อเสนอไทยเรื่องทุ่นระเบิดในที่ประชุม GBC กองทัพบกยืนยันยึดสันติวิธี แต่หากถูกบีบบังคับอาจใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อหยุดการสูญเสียกำลังพลจากการรุกล้ำของกัมพูชา


🔺แถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศ (12ส.ค.68) เรื่องการประท้วงต่อเหตุการณ์ครั้งที่ 4 ในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล มีใจความโดยสรุปว่า

     1. รัฐบาลไทยขอประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชาเมื่อ 12 ส.ค. 68 ในพื้นที่ช่องจุบตะโมก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาออตตาวา กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

 2. เหตุการณ์ครั้งนี้ (12 ส.ค.68)และเมื่อ 9 ส.ค.68 สะท้อนความไม่จริงใจของกัมพูชา และขัดต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ประชุม GBC สมัยวิสามัญเมื่อ 7 ส.ค. 68 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไทยจึงเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดละเมิดอนุสัญญาฯ ทันที

 3. ไทยจะประท้วงไปยังกัมพูชา และประธานอนุสัญญาฯ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศทบทวนการช่วยเหลือกัมพูชาในภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิด และไทยจะพิจารณามาตรากรอื่นๆเพื่อตอบโต้ตามเหมาะสมต่อไป

    4. ไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม และขอเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียนซึ่งทำงานบนพื้นฐานของกฎกติกาสากล เรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างจริงจัง


🔺กระทรวงกลาโหม ยืนยันไม่มีแนวความคิดในการรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา


กระทรวงกลาโหมขอเรียนว่า ฝ่ายไทยไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายกำลังพล เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยได้รักษาสถานะการวางกำลังในปัจจุบัน ภายหลังมาตรการหยุดยิงมีผล ณ เที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. 68 ทั้งนี้ ฝ่ายไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ตามเงื่อนไขเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)


นอกจากนี้ ฝ่ายไทยขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาเร่งตอบรับและให้ความร่วมมือ ในประเด็นสำคัญ 2 ประการได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดนเพื่อความปลอดภัย และปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์


🔺 ระหว่างวันที่ 1 – 11 สิงหาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) จำนวน 15 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ตำรวจ สนับสนุนโดยกองกำลังสุรนารี และตำรวจภูธรภาค 3 ได้ดำเนินการสำรวจ พิสูจน์ทราบ เก็บกู้ และทำลายสรรพาวุธระเบิดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ผลการปฏิบัติ สามารถเก็บกู้สรรพาวุธรวม 483 รายการครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่

 • จังหวัดบุรีรัมย์ เก็บกู้ BM-21 จำนวน 36 นัด, ลูกปืนใหญ่ 36 นัด, ลูก ค. 21 นัด, อื่น ๆ 13 รายการ รวมทั้งสิ้น 95 รายการ

 • จังหวัดสุรินทร์ เก็บกู้ BM-21 จำนวน 206 นัด, ลูกปืนใหญ่ 3 นัด, ลูก ค. 36 นัด, อื่น ๆ 19 รายการ รวมทั้งสิ้น 234 รายการ

 • จังหวัดศรีสะเกษ เก็บกู้ BM-21 จำนวน 38 นัด, ลูกปืนใหญ่ 88 นัด รวมทั้งสิ้น 120 รายการ

 • จังหวัดอุบลราชธานี เก็บกู้ BM-21 จำนวน 35 นัด รวมทั้งสิ้น 34 รายการ

ภารกิจดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและประสิทธิภาพของหน่วยงานด้านความมั่นคงไทยในการลดภัยคุกคามและสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดน ตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล


📊 สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2568)

1. พลเรือน

     • เสียชีวิตทางตรง: 14 ราย

     • บาดเจ็บ: 39 ราย

▶️ รวมทั้งสิ้น: 53 ราย


2. ทหาร

     • เสียชีวิต: 16 นาย

     • บาดเจ็บ: 258 นาย

▶️ รวมทั้งสิ้น: 274 นาย


🔺 กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน หากมีการพบเห็นวัตถุคล้ายระเบิด หรือวัตถุต้องสงสัย ให้ดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในทันที เพื่อประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าดำเนินการตรวจสอบ เก็บกู้ หรือทำลาย และขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ดังกล่าวจนกว่าจะมีประกาศยืนยันความปลอดภัยโดยชัดเจน


#TruthFromTHAILAND 

#กัมพูชายิงก่อน

#CambodiaOpenedFire

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

#กองทัพภาคที่2

#กองทัพบก 

#RTA

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น