"ฮุน เซน" สั่งห้ามนำเข้าสินค้ายุทธศาสตร์จากไทย – ละครไทยก็ต้องปิด! ย้ำอย่ายกหางตัวเอง ถ้าประชาชนยังจนต้องพึ่งเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เว็บไซต์ Khmer Times รายงานว่า สมเด็จเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์อย่างแข็งกร้าว โดยเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชายุติการนำเข้าสินค้ายุทธศาสตร์จากประเทศไทยทันที พร้อมชี้ว่า ประเทศไม่ควร "ยกหางตัวเองขึ้นชี้ฟ้า" หากประชาชนของตนยังยากจนและต้องพึ่งพาทรัพยากรจากเพื่อนบ้าน
ฮุน เซน ระบุว่า กัมพูชาต้อง "ใช้ความระมัดระวัง" และ "หลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด" ในการพึ่งพาประเทศไทยในสินค้าที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ เช่น
ไฟฟ้า
บริการอินเทอร์เน็ต
เชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ
"ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ก็ตาม เราไม่ควรซื้อมัน" ฮุน เซนกล่าวอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ เขายังได้ประกาศสั่งการให้ ระงับการออกอากาศละครไทยทั้งหมด ภายในประเทศกัมพูชา โดยให้เหตุผลว่า ชาวกัมพูชาควรหันมาสนับสนุนผลงานของผู้ผลิตภายในประเทศแทน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงของกัมพูชาเอง
ท่าทีดังกล่าวของสมเด็จเดโช ฮุน เซน สะท้อนความพยายามของผู้นำกัมพูชาในการผลักดันแนวนโยบาย “พึ่งพาตนเอง” อย่างชัดเจน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ข้ามพรมแดนกับประเทศไทย
ขณะเดียวกัน คำพูด "อย่ายกหางตัวเองขึ้นชี้ฟ้า" ก็ถูกตีความว่าเป็นการเหน็บแนมฝ่ายไทย ที่แม้จะมีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง แต่ก็ยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำและผู้ยากไร้ต้องพึ่งพิงทรัพยากรจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่เช่นกัน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้นับเป็นสัญญาณเตือนถึงความสัมพันธ์ที่อาจเปราะบางยิ่งขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาในอนาคตอันใกล้ และอาจนำมาสู่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ.
แข็งแกร่ง! “แบงก์” ชี้ธุรกิจไทยในกัมพูชายังไปรอด แม้ปิดด่าน-ความขัดแย้งปะทุ สินค้าไทยกลายเป็นของหายาก
ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้มีการปิดด่านชายแดนหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจกระทบต่อการค้าการลงทุนและการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม รายงานจากสถาบันการเงินชั้นนำของไทยได้เผยภาพรวมที่น่าสนใจว่า “ธุรกิจไทยในกัมพูชายังไปได้สวย” แม้อยู่ภายใต้แรงกดดันจากความตึงเครียดทางการเมือง
ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของธนาคารชื่อดัง เปิดเผยว่า ธุรกิจไทยที่ปักหลักในกัมพูชาจำนวนไม่น้อยยังคงดำเนินงานได้ดี โดยเฉพาะภาคค้าปลีก ค้าส่ง อุปโภคบริโภค และการบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไทย ซึ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในหมู่ผู้บริโภคชาวกัมพูชา
ที่น่าสนใจคือ “สินค้าไทยบางชนิดเริ่มกลายเป็นของหายาก” หลังจากที่การปิดด่านส่งผลต่อการลำเลียงและกระจายสินค้าเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค เช่น ของใช้ในครัวเรือน ขนม เครื่องดื่ม และเวชภัณฑ์ทั่วไป ทำให้ราคาสินค้าไทยบางรายการในกัมพูชาพุ่งสูงขึ้นและเริ่มเกิดภาวะขาดตลาดในบางพื้นที่
“ความนิยมในสินค้าไทยยังแข็งแรงมาก คนกัมพูชาเชื่อมั่นในคุณภาพ และมองว่าสินค้าไทยดีกว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่เข้ามาแข่งขันในท้องตลาด” แหล่งข่าวจากภาคธุรกิจรายหนึ่งในกรุงพนมเปญให้ข้อมูล
ขณะที่ผู้ประกอบการไทยจำนวนหนึ่งออกมายอมรับว่า สถานการณ์ปัจจุบันสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับการปรับตัว เช่น การเพิ่มคลังสินค้าภายในประเทศกัมพูชา หรือการใช้เส้นทางขนส่งทางทะเลและอากาศแทนการพึ่งพาด่านชายแดนแต่เพียงอย่างเดียว
แม้สถานการณ์ชายแดนจะยังไม่แน่นอนและยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ “ธุรกิจไทยยังไม่สะเทือน” และยังมีศักยภาพในการเติบโตในตลาดเพื่อนบ้านแห่งนี้ หากสามารถปรับตัวและวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้.
0 ความคิดเห็น