ยุติธรรม ลุยแก้ปัญหาหนี้ภายใต้ “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ปีที่ ๒”จังหวัดกระบี่
12 ก.ค.68 ณ เดอะ แพลทตินัม ฮอลล์ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ปีที่2จังหวัดกระบี่
โดยมี นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน และนายสุวิทย์ สุริยะวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า ๔ ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด- 19บางคนตกงาน,บางคนถูกลดเงินเดือน,ซ้ำร้ายไปกว่านั้น สินค้าอุปโภคบริโภค มีราคาแพงขึ้น ราคาน้ำมันก็พุ่งสูง ซึ่งเกิดจากสภาวะของโลก จนทำให้เกิดหนี้สินเป็นจำนวนมาก บ้างก็ค้างค่างวดส่งสถาบันการเงิน บ้างก็ถูกยึดบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัย รัฐบาลปัจจุบันจึงกำหนดกรอบในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วน ในฐานะรัฐบาลจะไม่นิ่งเฉย จะดำเนินการช่วยคลายหนี้ให้กับทุกคนเท่าที่จะทำได้
จากสถานการณ์ภาวะหนี้ของประเทศไทย กระทรวงยุติธรรมได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ขัดต่อวินัยทางการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม(Moral Hazard)ของผู้มีภาระหนี้สิน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท อีกทั้งต้องเกิดจากความสมัครใจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย สร้างการตระหนักรู้และเข้าใจ เพื่อเลือกใช้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในการยุติข้อพิพาททางแพ่งและข้อพิพาททางอาญา ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562ประกอบด้วย การไกล่เกลี่ยหนี้สินก่อนฟ้องตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562และหลังศาลมีคำพิพากษาตามระเบียบกรมบังคับคดี ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2558เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้ ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เช่าซื้อ ลิสซิ่ง ที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าเกณฑ์ฟ้องหรือไม่มีกำลังผ่อนชำระตามสัญญา เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน เป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนต่อไป
จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดขนาดกลางตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ โดยตั้งอยู่ตอนกลางของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดตรัง,พังงา,ภูเก็ต,ระนอง,สตูลและกระบี่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเล รวมทั้งการเชื่อมโยงกับจังหวัดฝั่งอ่าวไทยด้วย มีประชากรประมาณสี่แสนคน มีกลุ่มชาติพันธุ์ คือ ไทยพุทธ ไทยมุสลิม ไทยเชื้อสายจีนและชาวเล มีขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตที่แตกต่างกันแต่สามารถหลอมรวมเป็น สังคมพหุวัฒนธรรม และมีทะเล ภูเขา รวมถึงหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า154เกาะ จนได้รับการขนานนามให้เป็น"มรกตแห่งท้องทะเลอันดามัน"มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย คงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ มุ่งเน้นการพัฒนาให้เป็นเมืองสีเขียว หรือ"Krabi Go Green"ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2566 - 2570 "เมืองท่องเที่ยวคุณภาพระดับนานาชาติ เกษตรอุตสาหกรรมยั่งยืน สังคมน่าอยู่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และปรับตัวเท่าทันต่อบริบทการเปลี่ยนแปลง"
ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมได้จัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ปีที่1มาแล้วทั้ง ๗๖ จังหวัด จำนวน ๘๙ ครั้ง ช่วยเหลือลูกหนี้ได้ จำนวน132,303ราย จำนวนทุนทรัพย์23,๙๐๑.๘๔ ล้านบาท แยกเป็น ลูกหนี้ก่อนฟ้อง ช่วยเหลือได้ ๖๖,๑๗๒ ราย ทุนทรัพย์ จำนวน ๑๑,๒๑๗.๐๔ ล้านบาท และ ลูกหนี้หลังศาลมีคำพิพากษา ช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ จำนวน ๖๖,๑๓๑ ราย ทุนทรัพย์ จำนวน ๑๒,๖๘๔.๘ ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ กยศ.ครั้งที่ผ่านมามีการคำนวนยอดหนี้ใหม่3.65ล้านบัญชีเสร็จแล้ว ผู้กู้ ๒.๙๘ ล้านราย ได้รับประโยชน์ ช่วยลดหนี้ผู้กู้เป็นเงินกว่า ๕๖,๓๒๖ ล้านบาท,ปลดภาระผู้ค้ำได้ ๒.๘ ล้านราย
สำหรับการจัดงานในจังหวัดกระบี่ในครั้งนี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่12 - 13กรกฎาคม2568จำนวน2วัน ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ,กรมบังคับคดี,สำนักงานยุติธรรมจังหวัดกระบี่,สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกระบี่,ร่วมบูรณาการกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและสถาบันการเงิน,ธนาคารพาณิชย์,หน่วยงานภาครัฐ,รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน ได้เชิญชวนลูกหนี้เข้าร่วมงานทั้ง2วัน ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนที่สนใจและลงทะเบียนร่วมงานกว่า2,622รายและมีสถาบันการเงิน,หน่วยงานที่เข้าจัดการไกล่เกลี่ย และปรับโครงสร้างหนี้ ประกอบด้วย กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.),กรมการพัฒนาชุมชน(กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี),ธนาคารออมสิน,ธนาคารอาคารสงเคราะห์,สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกระบี่,ห้างหุ้นส่วนจำกัดกระบี่ ไพศาลลิสซิ่ง,ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)สำนักใหญ่,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย,บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด,บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัดและบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จํากัด(มหาชน)
โดยงานประกอบด้วย ๒ กิจกรรม ได้แก่
1.การให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งก่อนฟ้องและหลังศาลมีคำพิพากษา
2.การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์และให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการสร้างวินัยทางการเงินและหน่วยงานในพื้นที่
โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประโยชน์ ในกรณีก่อนฟ้อง คือ การผ่อนผันการชำระหนี้,ลดเบี้ยปรับลดดอกเบี้ย,ลดค่างวดรายเดือนงดฟ้องดำเนินคดีและรับเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน สำหรับในส่วนของชั้นบังคับคดี หรือหลังคำพิพากษา ประโยชน์ที่จะได้รับคือการขยายเวลาผ่อนชำระหนี้,ลดเบี้ยปรับ,ลดจำนวนเงินผ่อนชำระหนี้,งดยึดทรัพย์,งดขายทอดตลาด,ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดีและยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
0 ความคิดเห็น