จังหวัดกระบี่ ร่วมกับผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือด กับผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวทะเล กับการแก้ปัญหากรณีพะยูนในกลุ่มจังหวัดอันดามัน กรณีจังหวัดกระบี่ เพื่อธรรมชาติที่ยั่งยืนในสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ร่วมกับ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 6 /ประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือด กับผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวทะเล กับการแก้ปัญหากรณีพยูนในกลุ่มจังหวัดอันดามัน กรณีจังหวัดกระบี่ เพื่อธรรมชาติที่ยั่งยืนในสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ศาลากลางจังหวัดกระบี่ 9/10
การประชุมมีการรายงานสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน (Climate Crisis) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทางทะเล อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้ปะการังฟอกขาว แหล่งอาหารของสัตว์ทะเลลดลง และส่งผลต่อสุขภาพของพะยูน สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างรุนแรง
ทั้งนี้ จังหวัดกระบี่ถือเป็นแหล่งอาศัยหลักของพะยูนในประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เกาะลิบง ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่ทางทะเลของจังหวัดตรังและกระบี่ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) พะยูนในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 200-250 ตัว โดยกระบี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยังพบพะยูนในธรรมชาติ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ภาวะโลกร้อนได้คุกคามระบบนิเวศชายฝั่ง จากรายงานการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หญ้าทะเลในจังหวัดฝั่งอันดามัน พบว่า กระบี่: หญ้าทะเลลดลง 57% (จากพื้นที่ทั้งหมดกว่า 34,236 ไร่) ซึ่งการลดลงของหญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารหลักของพะยูน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการอยู่รอดของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ โดยเฉพาะในจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของประชากรพะยูนในประเทศไทย
.
จังหวัดกระบี่ จึงได้มี 4 มาตรการหลักในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ภายใต้แนวคิด “สำรวจ-อนุรักษ์-มีส่วนร่วม-ยั่งยืน” ได้แก่: 1.สำรวจพะยูนและประเมินพื้นที่หญ้าทะเลให้เป็นปัจจุบัน สำรวจด้วยโดรนและระบบ GIS เก็บข้อมูลร่วมกับชาวบ้าน (Citizen Science) ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ 2.ประกาศพื้นที่คุ้มครองหญ้าทะเล กำหนดเขต 13 แหล่งหญ้าทะเลสำคัญ ออกประกาศคุ้มครองพื้นที่ชุมชนที่เกี่ยวข้อง จัดการพื้นที่แบบมีส่วนร่วมและพึ่งพาตนเอง 3.ช่วยเหลือพะยูนที่บาดเจ็บและดูแลพะยูนกลุ่มเสี่ยง จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจช่วยเหลือพะยูน สนับสนุนอุปกรณ์ตรวจจับและเตือนภัยเรือเร็ว สร้างระบบฟื้นฟูสัตว์ทะเลร่วมกับท้องถิ่น 4.พัฒนาแนวทางสร้างมูลค่าจากการอนุรักษ์ พัฒนาระบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น “ท่องเที่ยวดูพะยูนอย่างรับผิดชอบ” สนับสนุนโครงการชดเชยคาร์บอน (Carbon Credit) ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
.
ในที่ประชุมมีการแลกเปลี่ยนปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะทั้งในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย เช่น ความจำเป็นในการควบคุมความเร็วของเรือในพื้นที่พะยูนชุกชุม การเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์อย่างเป็นทางการในรูปแบบ "อุทยานทะเลชุมชน" การออกกฎระเบียบห้ามการใช้เครื่องมือประมงทำลายล้างในเขตอนุรักษ์ การบรรจุเรื่อง "พะยูนและหญ้าทะเล" เป็นหลักสูตรการเรียนรู้ในท้องถิ่น เป็นต้น/////
.
0 ความคิดเห็น