สุดสะพรึง!!หนุ่มนากุ้งเมืองคอนพิสูจน์มหัตภัย“ปลาหมอคางดำ”ฉีกปากพบอมไข่และลูกตัวเล็ก ๆ ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด -สภาเกษตรเมืองคอนยืนยันจังหวัดเร่งประกาศวาระจังหวัดเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน และตั้งจุดรับซื้อ กก.ละ 20 บาท
(5 ก.ค.)ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำ ที่ในปัจจุบันกลายเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์” หรือสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำลายสัตว์น้ำประจำถิ่น ตามแหล่งน้ำธรรมชาติหรือบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงอย่างหนักในพื้นที่ 16 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ทางสหกรณ์ผู้เสียงกุ้งปากพนัง ชมรมผู้เลี้ยงกู้สงขลา-นครศรี ได้จัดงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติการกำจัดปลาหมอคางดำ ในบ่อบำบัดน้ำเสียบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียเนื้อที่ 184 ไร่ของโครงการชลประทานเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านหน้าโกฐิ หมู่ 10 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 14 ก.ค. 2567 ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ในขณะที่ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชาสำพันธ์โครงการโดยการประกาศจับตาย คดีแดงที่ 14/06/2567 ,ปราบวายร้ายแห่งลุ่มน้ำ กำจัดให้สิ้นซาก ซึ่งสื่อมวลชนนำนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง สร้างความสนใจจากนักตกปลา นักล่าปลาทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง ตามที่เสนอข่าวไปต่อเนื่องแล้วนั้น
นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรกร อ.ปากพนัง ที่นำเสนอปัญหาในสภาเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นแกนนำออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ กล่าวว่า ตามปกติปลาหมอคางดำทางโรงงานปลาป่นเขารับซื้อ กก.ละ 5-6 บาทเท่านั้น ในขณะที่ทางศูนย์อำนวยการโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพรราชดำริ เขาซื้อคละไซส์ กก.ละ 10 บาท เพื่อนำไปทำปุ๋ยหมักและน้ำหมัดชีวภาพ ส่วนเอกชนรับซื้อขนาดใหญ่ที่ติดแหหรือติดอวนขนาด 4-5 ซ.ม.ขึ้นไป กก.ละ 17-20 บาท ซึ่งถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนที่จะช่วยกันระดมจับปลาหมอคางดำมาขายทำให้ปลาหมอคางดำในธรรมชาติลดน้อยลงได้
ซึ่งในช่วงคิกออฟไล่ล่ากำจัดปลาหมอคางดำในวันที่ 14 ก.ค. นี้ที่โครงการชลประทานเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านหน้าโกฐิ หมู่ 10 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งปากพนัง และชมรมผู้เสียงกุ้งสงขลา-นครศรี ฯ เขาสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมทั้งหมด ช่างน่าแปลกใจที่ในขณะนี้ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม และสงขลา ทางประมงจังหวัดเขาลงมารับผิดชอบในกิจกรรม จัดงบประมาณมาสนับสนุน และตั้งจุดรับซื้อเอง กก.ละ 20 บาท แต่ทำไมประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช กลับไม่มีงบประมาณสนับสนุนการจัดกิจกรรมเลย ขนาดเอกชนรับซื้อ กก.ละ 20 บาท เขาก็ออกมาตีโพยตีว่าที่ประกาศรับซื้อ กก.ละ 20 บาทตนให้ข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนไม่ได้บอกว่าประมงจังหวัดนครศรีธรรมราชรับซื้อ กก.ละ 20 บาท แต่หมายถึงเอกชนเขารับซื้อ กก.ละ 20 บาท และตนยืนยันว่าตนและสภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราชไม่เห็นด้วยที่ประมงหรือหน่วยงานราชการมาเปิดใจรับซื้อ กก.ละ 10 บาท เชื่อว่าชาวบ้านที่วันนี้เขามีอาชีพหลักคือจับปลาหมอคางดำไม่มีใครขายแน่นอน”
นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ทุกจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เรียกร้องให้แต่ละจังหวัดประกาศเป็น “วาระจังหวัด” โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อให้ท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณแกปัญหาตามระเบียบราชการได้หรือให้รัฐบาลประกาศเป็น“วาระแห่ชาติ”ไปเลยก็ได้ จะรีรออะไรกันหนักหนา รีรออยู่ทำไม สังคมไทย รัฐบาลหรือราชการไทยเป็นแบบนี้เห็นโลงศพแล้วยังไม่หลั่งน้ำตา ทำแบบขายผ้าเอาหน้ารอดอีก 5-10 ปีเชื่อว่าปลาหมดคางดำจะแพร่ระบาดเต็มพื้นที่ประเทศไทย เมื่อถึงเวลานั้นจะขนงบประมาณมาสักกี่พันล้านก็คงไม่สามารถแก้ไขได้ “กว่าถั่วจะสุกงามันไหม้” ไปหมดแล้วแล้ว นายไพโรจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายเอกชัย ทรัพย์นวล อายุ 50 ปี ซึ่งอาชีพเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ในโครงการชลประทานเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านหน้าโกฐิ หมู่ 10 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และโดนภัยปลาหมอคางดำแพร่ระบาดกินทั้งอาหารกุ้งและกินลูกกุ้งในบ่อจนเกลี้ยงขาดทุนย่อยยับ ได้นำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบความพิเศษแปลกพิศดารของปลาหมอคางดำที่แตกต่างไปจากปลาและสัตว์น้ำทุกชนิดในท้องถิ่น จนกลายเป็น“เอเลี่ยนสปีชีส์”จากต่างแดนสุดอันตราย
โดยนายเอกชัย ได้ทำการทอดแห่ในบ่อเลี้ยงกุ้ง 1 ครั้ง ปรากฏว่าติดปลาหมอคางดำทั้งตัวเล็กตัวใหญ่มากว่า 10 ตัว จากนั้นได้นำปลาหมอคางดำทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่มาพิสูจน์ความมหัศจรรย์ให้เห็นว่าแม้ตัวเล็กขนาด 1-2 นิ้วแต่ตัวเมียทุกตัวมักจะมีไข่เต็มท้อง และในบางตัวพบว่าไม่ม่ไขอยู่ในท้อง แต่เมื่อฉีกปากอ้าออกจะพบว่าไข่กลับมีอยู่ในปากเต็มไปหมด และยังพบว่าในปากของตัวผู้จะมีลูกปลาหมอคางดำตัวเล็ก อัดแน่นอยู่ในปากยั้วเยี้ยอย่างน่าสะพรึ่งกลัว มันมีรูปแบบวิธีการในการปกป้องไข่และลูกตัวเล็ก ๆ ของมันได้ดีผิดธรรมชาติของปลาหรือสัตว์น้ำอื่น ๆ ที่มีอยู่ในเมืองไทย ทำให้ไข่หรือลูกเล็กของมันรอดพ้นจากศัตรูได้มันจึงสามารถแพร่ขยายพันธุ์และมีอัตราการรอดของลูกปลาสูงมาก ๆ และนี่คือความพิเศษของปลาหมอคางดำ
“นักวิชาการบอกว่ามันสามารถอยู่ได้ในทุกสภาพน้ำ ทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำเปรี้ยว แม้แต่น้ำเน่าเสียมันก็อยู่ได้ มันมีลำไส้ยาวกว่าปลาชนิดอื่น ๆ 4 เท่า มันจะผสมและขยายพนธุ์ได้ทุก ๆ 22 วันเมื่อมันมีไข่ในท้องมันจะสำรอกออกมาเห็นในคลักหรือรังในแหล่งน้ำ แต่เมื่อมีภัยมารบกวนมันจะสามารถดูดไข่ หรือลูกตัวเล็ก ๆ ทั้งหมดกลับไปอมไว้ในปากได้ทำให้ศัตรูไม่สามารถทำร้าย หรือทำลายไข่หรือลูกเล็ก ๆ ของมันได้ เมื่อเห็นว่าลูกมันแข็งแรงดีหรือปลอดภัย มันก็จะพ่นออกมาอาศัยและหากินเจริญเติบในแหล่งน้ำต่อไป ในทางตรงข้ามหากปลาหรือสัตว์อย่างอื่นวางไข่และออกลูกตัวเล็ก ๆ มันจะกินจนเกลี้ยง มันเป็นปลาที่กินทั้งพืชและสัตว์ ตัดห่วงโซ่วิถีชีวิตของปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แหล่งน้ำทุกแห่งหากมีปลาหมอคางดำแพร่ระบาดหรืออาศัยอยู่แทบจะไม่เหลือปลาหรือสัตว์น้ำชนิดอื่นหลงเหลืออยู่อีกเลย ส่งผลต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรง นี่คิอมหัตภัยร้ายแรงจากปลาหมอคางดำ “เอเลี่ยนสปีชีส์”จากต่างแดนที่นับวันจะขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ นายเอกชัย กล่าวย้ำ.
เครดิตภาพ:ข่าว ไพฑูรย์ อินทศิลา / จ.นครศรีธรรมราช
0 ความคิดเห็น